ข่าวเพลง :ล้วงสุดติ่งกันเลยทีเดียว! จันจิ กับชีวิตที่ต้องผ่านมือของซุป’ตาร์
หากพูดถึงชื่อ "จันจิ วงไกอา" หลายท่านอาจจะตั้งคำถามว่าเธอคือใคร? แต่ถ้าเอ่ยกันว่า "จันจิ" ผู้หญิงที่กำลังตกเป็นข่าวดังกับพระเอกหนุ่มร้อยล้าน "มาริโอ้ เมาเร่อ" หลายท่านถึงกับร้องอ่อจริงหรือไม่?
ล่าสุดหลังจากได้ตกเป็นข่าวทำนองกุ๊กกิ๊กกับพ่อหนุ่ม 'มาริโอ้' เธอคนนี้ก็ถูกพูดถึงและเจอกระแสต่างๆ มากมายที่ถาโถมเข้ามาไม่ว่าจะเป็นคำตอบที่สังคมอยากรู้ว่าเธอเป็นหวานใจคนใหม่ของหนุ่ม 'มาริโอ้' จริงหรือไม่ เลยทำให้ชื่อของ 'จันจิ จันจิรา' เป็นบุคคลที่น่าสนใจจนทำให้ทางทีมงาน Sanook! Music เลยไม่พลาดที่จะคว้าตัวเธอมาพูดคุยล้วงลึกกันในแบบเอ็กซ์คลูซีฟเรื่องราวชีวิตของเธอคนนี้ก่อนที่จะมาเป็นศิลปินเต็มตัวในสังกัด 'DO A DOT' แห่ง 'วงไกอา' นั้นเธอได้ผ่านการทำงานการเป็นแดนซ์เซอร์ที่เต้นในคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ที่เป็นให้ระดับซุป'ตาร์ ไม่ว่าจะเป็น พี่เบิร์ด ธงไชย, บี้ สุกฤษดิ์, ชิน ชินวุฒิ ฯลฯ
บ่ายแก่ๆ หลังจากได้เสร็จภารกิจของงาน 'สมาร์ทฮาร์ท พรีเซ้นต์ เพ็ทวาไรตี้' ตอนก๊วนซ่าสิงสาราสัตว์ สาวจันจิได้มีโอกาสนั่งแบบสบายๆ พร้อมกับเปิดใจเล่าย้อนวันวานถึงการทำงานในวงการแดนซ์เซอร์มากกว่า 5 ปี ผ่านเวทีมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คอนเสิร์ตจนมาเป็นศิลปินเต็มตัวในนามวง 'ไกอา' อย่างสบายๆ ว่า
"จันจิเริ่มจากการได้ไปเรียนเป็นคอร์สแล้วพี่อู๋ (ครูอู๋ ดีแดนซ์) เขาก็เลยให้ลองไปออดิชั่นดูที่เป็นเอ็มวีของพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย) คือเพลง 'ฉันทนาที่รัก' เป็นเอ็กซ์ตร้า และได้มาเต้นอยู่ในคอนเสิร์ตของ'กอล์ฟ-ไมค์'และก็ได้ทำงานมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่งานมันไม่ได้เสมอไปเพราะจันจิยังต้องมีการโดนฝึกฝนอยู่มาก มีการโดนดุโดนว่าบ้างเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่ยังอ่อนประสบการณ์"
'จันจิ'แดนเซอร์วัยกระเตาะ
"จันจิจำได้ว่าตอนช่วงอายุประมาณ 15-16 ซึ่งเด็กมากและก็ตื่นเต้นมาก แต่งตัวอะไรก็ไม่รู้หัวสีเหลืองๆ เข้าฉากเราก็ไม่เคยเห็นการถ่ายทำเราไม่เคยต้องเต้นกับศิลปินเยอะๆ เพราะแดนซ์เซอร์ของพี่เบิร์ดจะเต้นกันเป็นร้อยๆ ถ้าใครได้ชมหรือดูเอ็มวีของพี่เบิร์ด แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกภูมิใจมากๆ ที่เรามีส่วนร่วมถึงแม้จะเป็นเอ็กซ์ตร้า แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นแค่เอ็กซ์ตร้าเลย แต่ถ้าเปิดเอ็มวีถามว่าเห็นมั้ยไม่เห็นค่ะ (หัวเราะ) เพราะตัวเล็กเป็นมดมากเลย ส่วนผลงานเต้นหลังๆ ที่เห็นชัดๆ เลยก็จะมีของ 'ชิน ชินวุฒิ' เพลงคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง และก็ของ 'พี่บี้ สุกฤษดิ์' เพลง ณ บัดนาว เป็นต้นค่ะ"
ถามว่าทำไมเธอถึงได้เลือกมาเป็นแดนซ์เซอร์ เธอบอกว่า อยากได้ประสบการณ์และในการฝึกฝนความอดทน
"จันจิถือว่าการได้ทำงานที่ได้มาเป็นแดนซ์เซอร์ตรงนี้เราก็จะได้ฝึกฝนความอดทนและได้ประสบการณ์ที่แบบไม่มีใครที่จะได้รู้แน่นอนว่าการเป็นแดนซ์เซอร์เนี่ยทำให้คนอื่นเห็นเต้นแค่ไม่กี่นาทีมันเหนื่อยมากขนาดไหน ทำให้เราไม่ว่าจะทำงานอะไรเราก็จะอดทนกับมันมากขึ้น ความเหนื่อยที่ต้องซ้อมเต้นถึงตี4 แล้วก็ตื่นมาซ้อมอีกตอนเก้าโมง หรืออาจจะต้องมีการขึ้นสลิงบ้างมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเวที ซึ่งมันต้องวิ่งบนส้นสูงและก็ถอดเสื้อผ้ากัน แต่เราก็ต้องทำเพราะมันคือหน้าที่ๆ เราได้รับเราต้องเต็มที่กับมัน มองภาพรวมๆ เวลาที่เห็นเราเต้นกันทุกอย่างออกมาสวยงามคนดูประทับใจ แต่ถามว่าเบื้องหลังเป็นยังไงสำหรับจันจิก็ร้องไห้ประจำเลยค่ะ (หัวเราะ) มันเหนื่อยใจจะขาดเวลาเต้นคือเบื้องหน้าเรายิ้มสดใส พอเราไปข้างหลังเวทีเหมือนเรากำลังใจจะขาด แต่พอออกไปปุ๊บเราต้องรู้สึกว่าเราต้องเต็มที่กับงานของเรา" เธอบอก ก่อนเธอจะเผยต่อไปว่า
"งานแดนซ์เซอร์มันคือสิ่งที่เราเลือกอยากจะทำมันแล้วค่ะ และเราก็ต้องรับผิดชอบมันให้จนถึงที่สุดและมันก็เป็นสิ่งที่เรารักจากการได้เต้นและการได้มาทำงานและถ้าพูดกันตรงๆ มันก็มีค่าขนมที่ทำให้เราได้เงินใช้โดยที่ไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่ตั้งแต่เด็กมันเลยทำให้เรารู้สึกภูมิใจในงานตรงนี้ด้วยค่ะ"
ลงลึกกันไปถึงงานแดนซ์เซอร์ที่เธอเคยผ่านการเต้นให้ศิลปินระดับซุป'ตาร์ 'พี่เบิร์ด ธงไชย' เธอบอกว่า ความเป็นน่ารักและการทำงานเป็นมืออาชีพของ 'พี่เบิร์ด' เธอประทับใจและภาคภูมิใจที่สุด
"คอนเสิร์ตของพี่เบิร์ดเป็นงานที่จันจินั้นประทับใจมากที่สุดค่ะ เต้นทั้งหมดสิบรอบและก็มีเพลงนึงจะเปลี่ยนท่าทุกรอบเลย คือเราต้องมาคิดใหม่จูนใหม่เราเต้นกันแบบเป็นร้อย ถ้าเราผิดชัดแน่นอนว่าเราผิดเราก็เลยแบบต้องโฟกัสและมันค่อนข้างหนักจริงๆ ส่วนพี่เบิร์ดนี่ก็เป็นอะไรที่แบบซุป’ตาร์ที่น่ารักมากๆ เป็นพี่ที่ให้กำลังเราเวลาทำงานอยู่ตลอด พี่เขาไม่เห็นแค่เราเป็นแค่แดนซ์เซอร์แต่เขาจะแบบมาให้กำลังใจมีเอาขนมมาให้น้อง มันเลยทำให้เรามีพลังกำลังในการเต้นประทับใจมากๆ ค่ะ" เธอบอก และเล่าถึงขั้นตอนทำงานกับ'พี่เบิร์ด' ว่า
"การทำงานคอนเสิร์ตกับพี่เบิร์ดนั้นมีความละเอียดที่สุดอยู๋แล้วค่ะ แบบว่าซ้อมให้ห้องซ้อมแก้ท่ากันหลายรอบมีการไปซ้อมที่สตูดิโอมูนสตาร์ทำเวทีจำลองซ้อมๆ กันเป็นอาทิตย์ และก็ค่อยมาบนเวที คือมันมีขั้นตอนที่ละเอียดมากการทำงานกับพี่เบิร์ด แต่ในการทำงานที่หนักและละเอียดมันก็มีข้อดีเพราะนั้นคือการฝึกฝนตัวเราด้วย"
จุดเปลี่ยนของชีวิตจาก 'แดนซ์เซอร์' มาเป็น 'ศิลปินเต็มตัว' ในวง 'ไกอา'
"จริงๆ จันจินั้นก็เคยได้ทำอะไรมาหลายๆอย่างเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นดีเจ ถ่ายแบบเล็กๆ น้อยๆ และก็มาตรงนี้มาสู่การเป็นศิลปินในนามวง 'ไกอา' ก็เริ่มจากการมาออดิชั่นเหมือนกัน แต่กว่าจะได้เป็นวงที่สมบูรณ์ที่เห็นกันแบบนี้ก็สาหัสนะมาก เพราะเราต้องเต้นกันเป็นสิบๆ รอบเพื่อดูว่าจะเป็นทีมกันได้มั้ย แต่ผลออกมาจันจิแฮปปี้มากที่แต่ละคนทำออกมาแล้วมันไปด้วยกันได้ค่ะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือเราต้องกลายเป็นจุดโฟกัสยืนในจุดที่เด่นขึ้นคนเห็นเรามากขึ้น ไม่ใช่เต้นอยู่ข้างหลัง ฉะนั้นทุกอย่างจะต้องทำให้มันได้ดีกว่าเดิม ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเพราะเรามีคำว่าศิลปินติดตัวแล้ว"
อย่างไรก็ตามเมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นคนในวงการเป็นที่รู้จักสิ่งที่หนีไม่พ้นคือ 'ข่าวบันเทิง' ซึ่งนาทีนี้สาว 'จันจิ' ก็กำลังถูกโฟกัสอย่างหนักกับสถานะความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม 'มาริโอ้ เมาเร่อ' เธอบอกว่า
"ถ้าให้พูดตามตรงเราไม่สามารถห้ามความคิดใครได้หรอกหลังจากที่เขาอ่านหรือดูข่าว มันเป็นสิทธิของเขาที่เขาจะคิดแต่สำหรับตัวเราๆ เรารู้อยู่แก่ใจว่าความจริงคืออะไรแต่จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นรู้สึกว่าหลายๆ คนตีความกันไปไกลมากและไม่อยากให้ตีความกันไปไกลขนาดนั้น อยากจะให้ทุกคนรอดูแล้วกันมันจะพัฒนาหรืออะไร แต่โมเม้นนี้เราเป็นพี่น้องกันอยากจะให้โฟกัสไปที่งาน เพราะบางทีก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันเราตั้งใจทำงานผลงานเพลงแต่คนกับไปรู้จักตัวเราจากข่าว และก็ไม่ได้รู้สึกโอเคกับมันจริงๆ และก็แอบตกใจที่เจอกระแสแอนตี้อย่างแรงๆ โดยเฉพาะทางแฟนคลับจีนที่เราตอบอะไรเขาไม่ได้เลยก็เลยเลือกที่จะนิ่งดีกว่าค่ะ"
ที่มา:http://music.sanook.com/11429
สามารถติดตามข่าวเพลง ข่าวบันเทิง ได้ที่นี่>>> http://music.sanook.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น